23/12/56
On 23:45 by Moneytips in shopping No comments
เรื่องควรรู้...ลดรายจ่ายการใช้เครื่องสำอาง
1 อายุเครื่องสำอาง
เพราะเครื่องสำอางมีอายุการใช้งานต่างกัน โดยเครื่องสำอางแต่ละประเภท แม้จะระบุวันหมดอายุไว้นานถึง 2 ปี แต่นั่นคืออายุของประสิทธิภาพเครื่องสำอางขณะยังไม่เปิดใช้ ซึ่งถ้าหากเปิดใช้แล้ว ก็สัมผัสกับอากาศและแบคทีเรีย จนทำให้เสื่อมประสิทธิภาพได้เร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานน้อยลงอย่างแน่นอน ไปดูกันดีกว่าค่ะว่า เครื่องสำอางแต่ละชนิดนั้น มีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่กันนะ
1. มาสคารา อายไลเนอร์แบบเหลว : 3 เดือน
มาสคาราและอายไลเนอร์ เป็นเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติเป็นของเหลว เมื่อนำแปรงออกมาปัดขนตาแล้วก็ใส่กลับเข้าไปในขวดอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา มันจึงกลายเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดีเลยทีเดียว
วิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ถึง 6 เดือน คือ หลังจากใช้มาสคาร่าแต่ละครั้ง ให้ใช้ทิชชูเช็ดครีมที่เหลือเกาะออกด้วย เพราะตอนที่คุณปัดมันจะเอาแบคทีเรียที่ขนตาติดไป เมื่อจุ่มลงไปอีก แบคทีเรียก็จะไปรวมตัวกัน จนเร่งอายุการหมดอายุเป็น 3 เดือน
2. รองพื้น และคอนซีลเลอร์ : 6-12 เดือน
โดยปกติแล้วรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ จะมีสภาพเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากเปิดใช้ประมาณ 6-7 เดือน คือจะมีน้ำมันแยกออกมา หรือมีความมันมากขึ้น ซึ่งนี่จะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้แล้วว่า มันเริ่มจะเสื่อมประสิทธิภาพเสียแล้ว ดังนั้นต้องคอยสังเกตดูให้ดี ๆ ค่ะ แต่ถึงแม้ว่าเนื้อของมันจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ก็ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 12 เดือนค่ะ3. ลิปสติก ลิปกลอส ลิปไลเนอร์ บลัชออนแบบครีม : 6-12 เดือน
ถึงแม้ว่าเมคอัพอาร์ติสท์หลายคนจะบอกว่า ลิปสติกสามารถใช้ได้นานกว่า 2 ปีก็ตาม แต่คงไม่ดีแน่หากคุณใช้ถึงวันที่ 500 นับตั้งแต่วันเปิดใช้ ปากคุณอาจพังได้ด้วยค่ะวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน ควรใช้พู่กันป้ายแล้วทา เพราะเชื้อโรคที่ปากเราจะไปสะสมที่ลิปสติก ทำให้อายุการใช้งานน้อยลง แต่ถ้ากลัวยุ่งยาก ใช้ทิชชู่ป้ายทุกครั้งก่อนทา และป้ายทุกครั้งหลังทา และข้อห้ามก็คือ ห้ามให้ผู้อื่นใช้ลิปสติกด้วย
4. อายชาโดว์ บลัชออน บรอนเซอร์ ดินสอเขียนตา,คิ้วและแป้งพัฟ : 12-18 เดือน
แม้จะเป็นเครื่องสำอางที่มีเนื้อแห้งละเอียด แต่การเปิดใช้บ่อยเข้าทุกวัน ก็จะทำให้อายุของมันสั้นลงเรื่อย ๆ ดังนั้น จึงไม่ควรใช้นานเกิน 18 เดือนค่ะวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานควรทำความสะอาดพัพพ์แต่งหน้าทุกอาทิตย์ ซักด้วยสบู่ขจัดคราบและตากให้แห้งแค่นี้ก็เรียบร้อย เพราะฟัฟฟ์ก็เป็นตัวสะสมแบคทีเรียบนหน้าเราเหมือนกัน หากไม่ทำความสะอาดก็จะมีอายุการใช้งานสั้นลง
5. คลีนเซอร์ มอยซ์เจอไรเซอร์ อายครีม ครีมกันแดด ลิปบาล์ม : 12 เดือน
6. ไพรเมอร์ สครับขัดผิว และ ครีมลดริ้วรอย : 6 - 12 เดือน
ควรใส่ใจ : จดวันที่เริ่มเปิดใช้งานเครื่องสำอางแต่ละชิ้น เพื่อทำให้เราใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัย และควรคำนวณความคุ้มค่าของราคาเครื่องสำอางต่อชิ้น เทียบกับความบ่อยของการใช้เครื่องสำอางนั้น
ตัวอย่าง ถ้าซื้อลิปสติกแท่งละ 1,300 บาท แต่ใช้เพียงเดือนละ 5 ครั้ง พอหมดอายุยังเหลือลิปสติกครึ่งแท่งก็ต้องโยนทิ้งขยะแล้ว กลายเป็นว่าถ้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายการใช้ต่อครั้ง จะตกครั้งละ 22 บาท เกือบทานก๋วยเตี๋ยวได้ 1 ชามเลยทีเดียว ถ้าเป็นเช่นนี้ แนะนำให้ซื้อลิปสติกแบรนด์ต่ำลงมาแทน เพื่อให้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อครั้งลดลง
2 การเก็บรักษาเครื่องสำอาง
1. เก็บไว้บริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดส่องถึงและมีอุณหภูมิประมาณ 25°C
เก็บรักษาเครื่องสำอางไว้ในที่ที่มีอากาศเย็นสบายหรือเก็บที่อุณหภูมิห้อง เก็บในที่แห้ง2. อ่านวิธีการเก็บรักษาที่ฉลาก
ควรเก็บรักษาให้ได้ตามฉลากจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเครื่องสำอางอาจเสื่อมสภาพล่วงหน้าไปก่อนวันหมดอายุไปนานเลยค่ะ3. เปิดฝาเมื่อใช้เท่านั้น และเมื่อครีมเสร็จแล้วควรปิดฝาให้แน่น
เพื่อไม่ให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศโดยตรงด้วย นอกจากอากาศจะทำให้แห้ง ฝุ่นละออง แบคทีเรีย และเชื้อโรค ยังสามารถลงไปสัมผัสกับเครื่องสำอางได้ ซึ่งสามารถทำให้คุณสมบัติของเครื่องสำอางเปลี่ยนแปลง และอายุการใช้งานสั้นลง4. รักษาความสะอาดของมือ ใบหน้า และอุปกรณ์แต่งหน้า
ทุกสิ่งที่จะมาสัมผัสกับเครื่องสำอางควรจะสะอาดที่สุด ต้องล้างมือและต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนใช้ ถ้าจะให้ดีควรใช้อุปกรณ์ที่สะอาดช่วยตักครีมขึ้นมาใช้ นอกจากนี้ อุปกรณ์แต่งหน้าต่างๆ เช่น ฟองน้ำ พู่กัน แปรงและพัฟทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ต้องสัมผัสกับเครื่องสำอาง จึงจำเป็นต้องรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ด้วยการนำมาซักด้วยสบู่ หรือแชมพูอ่อนๆ และตากลมให้แห้งก่อนนำมาใช้ หากเป็นไปได้ควรทำทุก ๆ 1 อาทิตย์นะคะ5. ซื้อแต่เครื่องสำอางที่เพิ่งผลิต
เลือกซื้อเครื่องสำอางที่ผลิตออกมาเป็นล็อตใหม่ ๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ผลิตออกมาภายในปีที่คุณเลือก โดยตรวจเช็คจากวันเดือนปีที่ผลิตรวมถึงวันหมดอายุของเครื่องสำอางทุกครั้ง ก่อนซื้อด้วย เพื่ออายุการใช้งานของมันจะได้ยาวนานขึ้นควรใส่ใจ : ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางแบบรีฟีล เพราะจะช่วยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น คือจะลดราคาตลับหรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ทุกครั้ง และที่สำคัญการเติมผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกครั้ง ต้องล้างเช็ดตลับหรือขวดให้สะอาดและแห้งก่อนบรรจุใหม่ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานได้นานขึ้นได้ ลดจำนวนรอบของการซื้อเครื่องสำอางได้มากอีกด้วย
เห็นหรือไม่คะ ว่าการเลือกใช้และรักษาเครื่องสำอางชิ้นโปรดให้อยู่กับเราให้ได้นานและคุ้มค่าที่สุด ไม่ยากเลย เพียงเราเพิ่มความใส่ใจอีกสักนิด ก็จะเป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเลยค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
Popular Posts
-
ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในครอบครัว และมักจะกะทันหันไม่ทันตั้งตัว นอกจากจะกังวลทางด้านจิตใจ สิ่งที่อา...
-
ฉากสุดท้ายเปโตรดอลล่าร์ ที่มาบทความจากthanong fanclub fanpage วันนี้ขอเริ่มซีรีส์ยาวเรื่องฉากสุดท้ายของเปโตรดอลล่าร์ เพื่อปูพื้นให้เห็นว่า...
-
เรื่องควรรู้...ลดรายจ่ายการใช้เครื่องสำอาง เพราะสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้หญิง คือ เครื่องสำอาง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คุณผู้หญิ...
-
5 เทคนิคการเลือกซื้อของเล่นลูกอย่างเซียน คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ของเล่นกับเด็กนั้นเป็นของคู่กัน และมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเสื้อผ้า อา...
-
13 เคล็ดลับประหยัดเงินในการซื้อเครื่องสำอาง ผู้หญิงจำนวนมาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการ ซื้อเครื่องสำอาง และหลายคนที่รู้สึกยากในการตัดใจไม่...
-
เคล็ดลับการซื้ออาหารและของใช้อย่างฉลาด ในชีวิตประจำวันคุณอาจต้องเป็นผู้จัดเตรียมทำอาหารในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ต้องด...
-
เคล็ดลับประหยัดเงินท่องเที่ยวของครอบครัว เมื่อถึงวันหยุด หลายๆครอบครัวอาจมีแผนที่จะพาครอบครัวท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อผ่อนคลายจากก...
-
13 เทคนิคการออมเงินในปี 2013 การออมเงิน อาจยังเป็นปัญหาของใครหลายๆคน เพราะพอเงินเดือนออกทีไร ก็นำไปใช้ ไปช็อปปิ้งหมด เงินจึงอยู่กับเรา...
-
4 + 4 กลเม็ดพิชิตหนี้ บัตรเครดิต สำหรับสาว นักช้อป การทำบัตรเครดิต เป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายให้กับสาวๆได้มาก ท...
-
ค่าโทรเล่นเน็ต รายจ่ายที่คุณประหยัดได้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือจัดเป็นปัจจัยที่5ที่ทุกคนต้องมีต้องใช้กัน ค่าบริการ...
Blogger templates
ปรึกษา/ข้อมูลเพิ่มเติม
Blogger news
Feature Label Area
300x250 AD TOP
About
the money tips (Thailand). ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น